เครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบ AI ที่ดีที่สุดในปี 2023
เผยแพร่แล้ว: 2023-02-23เครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบของ AI เป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ใช้อัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสแกนเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรและเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของข้อความที่มีอยู่เพื่อระบุตัวอย่างการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น เครื่องมือเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้บุคคลและองค์กรมั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น
เครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบของ AI ใช้การผสมผสานระหว่างการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อวิเคราะห์ข้อความและเปรียบเทียบกับเนื้อหาอื่นบนอินเทอร์เน็ต อัลกอริธึมได้รับการฝึกฝนให้จดจำรูปแบบในภาษาและระบุความคล้ายคลึงกันระหว่างข้อความ แม้ว่าคำที่ใช้จะถูกเปลี่ยนหรือจัดเรียงใหม่ก็ตาม
การใช้ตัวตรวจสอบการลอกเลียนแบบด้วย AI สามารถช่วยให้บุคคลและองค์กรหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงในด้านวิชาการ วิชาชีพ และทางกฎหมาย เครื่องมือเหล่านี้ยังสามารถช่วยให้นักเขียนระบุส่วนที่อาจต้องแก้ไขเนื้อหาเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นต้นฉบับและไม่ละเมิดผลงานของผู้อื่น
มีเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบด้วย AI มากมาย ตั้งแต่เครื่องมือออนไลน์ฟรีไปจนถึงโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ต้องชำระเงินขั้นสูง ความแม่นยำและประสิทธิผลของเครื่องมือเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมและฐานข้อมูลเฉพาะที่ใช้ ดังนั้นการวิจัยและเลือกเครื่องมือที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้สำหรับความต้องการของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สารบัญ
เครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบ AI ที่ดีที่สุดในปี 2023
มีเครื่องมือตรวจสอบการคัดลอกผลงานด้วย AI มากมาย โดยแต่ละเครื่องมือมีฟีเจอร์และแผนราคาที่แตกต่างกัน นี่คือเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบ AI ที่ดีที่สุดที่ควรพิจารณา:
1. การลอกเลียนแบบ
Copyleaks เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบที่ใช้ AI ซึ่งจะสแกนข้อความเพื่อหาการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้นกับฐานข้อมูลของแหล่งข้อมูลออนไลน์และวิชาการ ใช้อัลกอริธึมขั้นสูงและการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพื่อตรวจหาความคล้ายคลึงกันระหว่างข้อความ แม้ว่าคำนั้นจะถูกแก้ไขหรือจัดเรียงใหม่ก็ตาม
Copyleaks นำเสนอคุณสมบัติที่หลากหลาย รวมถึง:
- รองรับหลายภาษา: Copyleaks รองรับมากกว่า 100 ภาษา ทำให้มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก
- ไฟล์หลายรูปแบบ: Copyleaks สามารถสแกนไฟล์ได้หลายรูปแบบ รวมถึง Microsoft Word, PDF, HTML และข้อความธรรมดา
- การสแกนตามเวลาจริง: Copyleaks ให้การสแกนตามเวลาจริง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุการคัดลอกที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีที่เกิดขึ้น
- การผสานรวมที่ง่ายดาย: สามารถผสานรวม Copyleaks เข้ากับแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบการจัดการการเรียนรู้ ระบบจัดการเนื้อหา และอื่นๆ
- การเข้าถึง API: Copyleaks ให้การเข้าถึง API สำหรับนักพัฒนา ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถสร้างคุณลักษณะการตรวจจับการลอกเลียนแบบที่กำหนดเองในแอปพลิเคชันของตนเองได้
Copyleaks มีให้บริการสำหรับทั้งบุคคลและองค์กร โดยมีแผนราคาที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน โดยรวมแล้ว Copyleaks เป็นเครื่องมือตรวจสอบการคัดลอกผลงานโดยใช้ AI ที่ทรงพลังและเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น
อ่านเพิ่มเติม: ซอฟต์แวร์แอพแชททีมที่ดีที่สุด
2. ความคิดริเริ่ม AI
Originality AI เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบที่ใช้ AI ซึ่งใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อสแกนข้อความเพื่อหาการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น สามารถระบุความคล้ายคลึงกันระหว่างข้อความ แม้ว่าคำนั้นจะถูกเปลี่ยนหรือใช้ถ้อยคำใหม่ก็ตาม และสามารถช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น
Originality AI มีคุณสมบัติหลายอย่าง ได้แก่:
- การค้นหาเชิงลึก: Originality AI ใช้เทคโนโลยีการค้นหาเชิงลึกเพื่อสแกนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของแหล่งข้อมูลออนไลน์และวิชาการ รวมถึงวารสารวิทยาศาสตร์ บทความข่าว และอื่นๆ
- การสแกนตามเวลาจริง: Originality AI ให้การสแกนตามเวลาจริง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีที่เกิดขึ้น
- การผสานรวมที่ง่ายดาย: AI ของ Originality สามารถผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบการจัดการการเรียนรู้และระบบการจัดการเนื้อหา
- อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย: Originality AI มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งทำให้ใช้งานง่าย แม้สำหรับผู้ใช้ที่มีทักษะทางเทคนิคจำกัด
- รายงานที่ปรับแต่งได้: AI ต้นฉบับนำเสนอรายงานที่ปรับแต่งได้ซึ่งมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแหล่งที่มาของเนื้อหาต้นฉบับ
Originality AI พร้อมใช้งานสำหรับบุคคลและองค์กร โดยมีแผนราคาที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน โดยรวมแล้ว Originality AI เป็นเครื่องมือตรวจสอบการคัดลอกผลงานโดยใช้ AI ที่ทรงพลังและเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น
3. ครอสพลัค
Crossplag เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบที่ใช้ AI ซึ่งออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการโดยเฉพาะ ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงในการสแกนเอกสารทางวิชาการและตรวจหาตัวอย่างที่เป็นไปได้ของการคัดลอกผลงาน
Crossplag มีคุณสมบัติหลายอย่าง ได้แก่ :
- การค้นหาเชิงลึก: Crossplag ใช้เทคโนโลยีการค้นหาเชิงลึกเพื่อสแกนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของแหล่งข้อมูลออนไลน์และวิชาการ รวมถึงวารสารวิทยาศาสตร์ เอกสารวิชาการ และอื่นๆ
- การสแกนตามเวลาจริง: Crossplag ให้การสแกนตามเวลาจริง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีที่เกิดขึ้น
- รายงานที่ปรับแต่งได้: Crossplag ให้รายงานที่ปรับแต่งได้ซึ่งมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแหล่งที่มาของเนื้อหาต้นฉบับ
- การผสานรวมที่ง่ายดาย: Crossplag สามารถรวมเข้ากับแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มทางวิชาการอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบการจัดการการเรียนรู้และแพลตฟอร์มเผยแพร่ผลงานวิชาการ
- ไฟล์หลายรูปแบบ: Crossplag สามารถสแกนไฟล์ได้หลายรูปแบบ รวมถึง Microsoft Word, PDF และข้อความธรรมดา
Crossplag มีให้บริการสำหรับทั้งบุคคลทั่วไปและสถาบันการศึกษา พร้อมแผนการกำหนดราคาที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน โดยรวมแล้ว Crossplag เป็นเครื่องมือตรวจสอบการคัดลอกผลงานโดยใช้ AI ที่ทรงพลังและเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเอกสารทางวิชาการของพวกเขาเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น
อ่านเพิ่มเติม: แนวโน้มอีคอมเมิร์ซ B2B 10 อันดับแรก: ความคาดหวังและข้อเท็จจริง
4. พลาจิบอต
Plagibot เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบที่ใช้ AI ซึ่งจะสแกนข้อความเพื่อหาการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้นกับฐานข้อมูลของแหล่งข้อมูลออนไลน์และวิชาการ ใช้อัลกอริธึมขั้นสูงและการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพื่อตรวจหาความคล้ายคลึงกันระหว่างข้อความ แม้ว่าคำนั้นจะถูกแก้ไขหรือจัดเรียงใหม่ก็ตาม
Plagibot มีคุณสมบัติหลายอย่าง ได้แก่:
- รูปแบบไฟล์ที่หลากหลาย: Plagibot สามารถสแกนรูปแบบไฟล์ที่หลากหลาย รวมถึง Microsoft Word, PDF และข้อความธรรมดา
- การสแกนตามเวลาจริง: Plagibot ให้การสแกนตามเวลาจริง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีที่มันเกิดขึ้น
- รายงานที่ปรับแต่งได้: Plagibot จัดทำรายงานที่ปรับแต่งได้ซึ่งมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแหล่งที่มาของเนื้อหาต้นฉบับ
- การผสานรวมที่ง่ายดาย: Plagibot สามารถผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบการจัดการการเรียนรู้และระบบการจัดการเนื้อหา
- รองรับหลายภาษา: Plagibot รองรับหลายภาษา ทำให้มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก
Plagibot พร้อมใช้งานสำหรับบุคคลและองค์กรโดยมีแผนราคาที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน โดยรวมแล้ว Plagibot เป็นเครื่องมือตรวจสอบการคัดลอกผลงานโดยใช้ AI ที่ทรงพลังและเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น
อ่านเพิ่มเติม: ทางเลือก Google ฟอร์ม 5 อันดับแรก
5. คัดลอกภาพ
CopyScape เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบออนไลน์ที่จะสแกนเนื้อหาเพื่อหาการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้นกับฐานข้อมูลของหน้าเว็บและเว็บไซต์ต่างๆ ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์และผู้สร้างเนื้อหามั่นใจได้ว่าเนื้อหาของตนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น
Copyscape มีคุณสมบัติหลายอย่าง ได้แก่ :
- การค้นหาเชิงลึก: CopyScape ใช้เทคโนโลยีการค้นหาเชิงลึกเพื่อสแกนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของหน้าเว็บและเว็บไซต์เพื่อตรวจจับการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น
- การค้นหาแบบกลุ่ม: Copyscape นำเสนอคุณลักษณะการค้นหาแบบกลุ่มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกน URL หรือเนื้อหาหลายรายการพร้อมกันได้
- การตรวจสอบแบบเรียลไทม์: CopyScape ให้การตรวจสอบหน้าเว็บและเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ แจ้งเตือนผู้ใช้หากตรวจพบการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น
- รายงานที่ปรับแต่งได้: CopyScape จัดเตรียมรายงานที่ปรับแต่งได้ซึ่งมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแหล่งที่มาของเนื้อหาต้นฉบับ
- การผสานรวมที่ง่ายดาย: สามารถผสานรวม Copyscape เข้ากับแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบจัดการเนื้อหาและเครื่องมือสร้างเว็บไซต์
Copyscape พร้อมใช้งานสำหรับบุคคลและองค์กรโดยมีแผนราคาที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน โดยรวมแล้ว CopyScape เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบที่ทรงพลังและเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่นบนเว็บ
6. ไวยากรณ์
Grammarly เป็นเครื่องมือการเขียนออนไลน์ที่ใช้ AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อช่วยให้ผู้ใช้พัฒนาทักษะการเขียน โดยจะตรวจสอบข้อผิดพลาดด้านไวยากรณ์ การสะกดคำ เครื่องหมายวรรคตอน และรูปแบบ ตลอดจนเสนอคำแนะนำสำหรับการเลือกใช้คำและโครงสร้างประโยคที่ดีขึ้น สามารถใช้ไวยากรณ์เพื่อปรับปรุงงานเขียนประเภทใดก็ได้ ตั้งแต่อีเมลและโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงเอกสารทางวิชาการและเอกสารระดับมืออาชีพ
Grammarly นำเสนอฟีเจอร์หลายอย่าง ได้แก่:
- ตัวตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดคำ: ตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดผิดตามเวลาจริง เน้นข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นและเสนอคำแนะนำสำหรับการแก้ไข
- คำแนะนำในการเขียน: คำแนะนำทางไวยากรณ์สำหรับการปรับปรุงคุณภาพโดยรวมและความชัดเจนของการเขียน รวมถึงการเลือกใช้คำ โครงสร้างประโยค และน้ำเสียง
- ตัวตรวจสอบการลอกเลียนแบบ: Grammarly ยังมีตัวตรวจสอบการลอกเลียนแบบซึ่งจะสแกนข้อความเพื่อหาตัวอย่างที่เป็นไปได้ของการลอกเลียนแบบกับฐานข้อมูลของหน้าเว็บและเอกสารทางวิชาการ
- รองรับหลายอุปกรณ์: สามารถใช้ Grammarly บนอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเดสก์ท็อป แล็ปท็อป และอุปกรณ์พกพา
- การผสานรวมที่หลากหลาย: สามารถรวมไวยากรณ์เข้ากับแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึง Microsoft Word, Google Docs และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
Grammarly มีให้บริการทั้งแบบฟรีและแบบชำระเงิน โดยเวอร์ชันแบบชำระเงินจะมีฟีเจอร์และฟังก์ชันเพิ่มเติม โดยรวมแล้ว Grammarly เป็นเครื่องมือการเขียนที่ทรงพลังและเป็นที่นิยมซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้พัฒนาทักษะการเขียนและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในเนื้อหาที่เขียน
อ่านเพิ่มเติม: การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลช่วยเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างไร
7. คิวเท็กซ์
Quetext เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบออนไลน์โดยใช้ AI ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยผู้สร้างเนื้อหา นักการศึกษา และผู้เผยแพร่ ตรวจหาการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้นในเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงและการประมวลผลภาษาธรรมชาติเพื่อสแกนข้อความและระบุความคล้ายคลึงหรือตรงกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่มีอยู่ในเว็บ
Quetext มีคุณสมบัติหลายอย่าง ได้แก่:
- เทคโนโลยีการค้นหาเชิงลึก: Quetext ใช้เทคโนโลยีการค้นหาเชิงลึกเพื่อสแกนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของหน้าเว็บและเอกสารทางวิชาการเพื่อตรวจจับการคัดลอกผลงานที่อาจเกิดขึ้น
- ไฟล์หลายรูปแบบ: Quetext รองรับไฟล์หลายรูปแบบ รวมถึง Microsoft Word, Google Docs และไฟล์ข้อความล้วน
- การเปรียบเทียบแบบเคียงข้างกัน: Quetext ให้การเปรียบเทียบเนื้อหาต้นฉบับและแหล่งข้อมูลที่เป็นไปได้แบบเคียงข้างกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นความเหมือนและความแตกต่าง
- รายงานที่ปรับแต่งได้: Quetext ให้รายงานที่ปรับแต่งได้ซึ่งมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแหล่งที่มาของเนื้อหาต้นฉบับ
- การผสานรวมที่ง่ายดาย: Quetext สามารถผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น ระบบการจัดการเนื้อหาและระบบการจัดการการเรียนรู้
Quetext มีทั้งเวอร์ชันฟรีและแบบชำระเงิน โดยเวอร์ชันแบบชำระเงินจะมีคุณสมบัติและฟังก์ชันเพิ่มเติม โดยรวมแล้ว Quetext เป็นเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่นบนเว็บ
ปิดท้ายด้วยเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบ AI
โดยสรุป เครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบของ AI เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและมีประโยชน์ที่สามารถช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหา นักการศึกษา และผู้เผยแพร่มั่นใจได้ว่าเนื้อหาที่เขียนเป็นต้นฉบับและไม่ได้คัดลอกมาจากแหล่งอื่น เครื่องมือเหล่านี้ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงและการประมวลผลภาษาธรรมชาติเพื่อสแกนข้อความและระบุความคล้ายคลึงหรือตรงกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่มีอยู่ในเว็บ
มีเครื่องมือ AI Plagiarism Checker มากมายให้ใช้งาน โดยแต่ละเครื่องมือมีคุณสมบัติและฟังก์ชันการทำงานของตัวเอง เครื่องมือยอดนิยมบางอย่าง ได้แก่ Copyleaks, AI ดั้งเดิม, Crossplag, Plagibot, CopyScape และ Grammarly เครื่องมือแต่ละอย่างมีจุดแข็งและจุดอ่อน ดังนั้นการเลือกเครื่องมือที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญ
อ่านที่น่าสนใจ:
AI กำลังเปลี่ยนแปลง WordPress อย่างไร | เวิร์ดเพรสปัญญาประดิษฐ์
9 ปลั๊กอินปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress และ WooCommerce Management
แนวโน้มใหม่สำหรับอนาคตของการพัฒนาซอฟต์แวร์